ทุกวันนี้พอท บุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่นิยมมากเพราะมีขนาดเล็ก ใช้งานไม่ยาก ด้วยความที่น้ำหนักเบาจึงพกพาสะดวก อีกทั้งปราศจากปัญหาซับซ้อนยุ่งยาก นอกจากนี้ก็ไม่ต้องรักษาดูและเยอะเท่าใดนัก ในบทความจะมากล่าวถึงเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับพอตของบุหรี่ไฟฟ้าว่ามีอะไรบ้าง
พอท บุหรี่ไฟฟ้า คือ?
พอตไฟฟ้า หรือเรียกว่า พอท บุหรี่ไฟฟ้า ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้สามารถใช้ง่ายกว่าเดิม เพียงนำน้ำยามาเติมก็ใช้สูบได้แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นขนาดของตัวเครื่องก็ยังเล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการพกพา เหมาะกับลูกค้าทุกคนที่ต้องการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อคุณมีพอต ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการหยดน้ำยาบ่อย ๆ ดังเช่นสมัยก่อน เพียงเปลี่ยนไส้หรือคอยล์ก็ใช้งานได้นาน และไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเปลี่ยนสำลีหรือพันลวดด้วย ทุกวันนี้มีพอตหลากหลายแบบที่ถูกผลิตขึ้นมาจำหน่าย บางรุ่นแม้มีกำลังไฟน้อย แต่จุดเด่นก็คือประสิทธิภาพการดูดซับนิโคตินที่รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจและได้รับความนิยมสำหรับคนบางกลุ่ม บางคนอาจชอบพอตกำลังไฟสูงและต้องการเพลิดเพลินไปกับการดูดซับนิโคติน
พอตไฟฟ้า ประกอบด้วยอะไรบ้าง
สำหรับส่วนประกอบของพอท บุหรี่ไฟฟ้าหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ส่วน ดังนี้
- ตัวเครื่อง
ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
- ส่วนของการปรับไฟ ค่าการปรับไม่ได้ตายตัวจึงทำให้สามารถปรับได้ตามใจชอบว่าต้องการสูบปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งจะเหมาะกับการปรับไฟด้วย
- แบตเตอรี่ที่มากับตัวเครื่อง มีความจุแตกต่างกันตามการผลิตของแต่ละบริษัท มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการออกแบบ ส่วนมากสร้างให้พอต่อการใช้ภายใน 1 วันเต็ม แต่ไม่ควรใช้จนหมดเพราะประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะลดลงได้
- คอยล์
มีสำลีและขดลวดติดด้วยกัน หน้าที่ของสำลีคืออุ้มน้ำยา เมื่อใช้งาน กำลังไฟจะถูกส่งจากตัวแบตเตอรี่ไปยังขดลวดแล้วเกิดความร้อน ส่งผลให้น้ำยาที่อยู่ในสำลีเดือดกลายเป็นไอน้ำ
- หัวแทงค์ หรือ Pod Cartridges
หน้าที่คือการเก็บน้ำยา ส่วนมากมีความจุอยู่ที่ 2-5 มิลลิลิตรโดยประมาณ รูปทรงหัวแทงค์มีผลต่อรูลมและความรู้สึกขณะสูบด้วย ถ้าใช้นาน ๆ แล้วชำรุดแตกหักก็เปลี่ยนได้ใหม่ แต่ก็แค่บางรุ่นเท่านั้น หากต้องการสูบหลายกลิ่นพร้อมกันก็พกหัวสำรองมาเปลี่ยน สะดวกต่อการใช้งานอย่างยิ่ง
จะเห็นได้ว่าพอท บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันที่ผลิตขึ้นมาจำหน่ายนั้นมีหลากหลายให้เลือกจากบริษัทต่าง ๆ ซึ่งถ้าใครไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามาก่อนก็ต้องเรียนรู้ว่ามีอุปกรณ์ใดบ้างที่เป็นส่วนประกอบ แล้วควรใช้งานอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ และสนองความต้องการได้มากที่สุด